5 สูตรสำเร็จการลงโฆษณาบนไลน์

LINE Ads

Tags


ก่อนลงโฆษณาเราควรรู้จักและเข้าใจความต้องการของตัวเอง และลูกค้าก่อนเสมอ

 

1.คู่แข่งของสินค้าและบริการของเราคือใคร พยายามพาตัวเองเข้าไปเรียนรู้เกี่ยวกับคู่แข่งให้มากขึ้น เพื่อให้คู่แข่งพัฒนาคุณ โดยดูว่าจุดไหนที่เราสามารถมาต่อยอดได้

2.สินค้าและบริการของเราอะไรที่เป็นจุดเด่น จุดขายและตอบโจทย์กับกลุ่มลูกค้า

3.ลูกค้าของคุณคือใคร วางกลุ่มเป้าหมายให้ชัดว่าใครที่เป็นลูกค้าที่แท้จริงของสินค้าและบริการเรา

4.สำคัญ! วางผลลัพธ์ที่ต้องการ ในการลงโฆษณาต้องการผลลัพธ์อะไร เช่น ต้องการให้คนรู้จักมากขึ้น, ต้องการเพิ่มยอดขาย เป็นต้น

 

เมื่อเข้าใจ 4 ข้อหลักก่อนเริ่มลงโฆษณาแล้ว

ก็เริ่มทำตามสูตรสำเร็จในการลงโฆษณาบนไลน์กันเลย



1.หาลูกค้าที่ “ใช่” ให้เจอ 

รู้ชัดจุดขายของสินค้าแล้ว แต่ยังไม่รู้ว่าจะขายใคร กลุ่มเป้าหมายที่เราคิดอยู่ใช่กลุ่มเป้าหมายเราที่ซื้อสินค้าเราจริง ๆ หรือไม่

 

มีเทคนิคง่าย ๆ โดยสามารถดู กลุ่มเป้าหมายจาก “ข้อมูลเชิงลึก” ของผู้ติดตาม ใน LINE Official Account ได้เลย เชื่อว่าหลาย ๆ คน มี LINE Official Account หรือ LINE OA อยู่แล้ว แต่ยังไม่รู้ว่าคนที่สนใจติดตาม LINE OA ของเรา นั่นคือ กลุ่มคนที่สนใจสินค้าและบริการของคุณจริง ๆ ต้องการติดตามรับข่าวสารและโปรโมชั่น โดยเราสามารถรู้ได้ว่า ผู้ที่ติดตาม LINE OA ของเราเพศอะไร, อายุเท่าไหร่, อยู่พื้นที่ไหน มากำหนดเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักในการลงโฆษณาบนไลน์ได้ เพียงเท่านี้ก็สามารถเจอกลุ่มเป้าหมายที่ “ใช่” ได้ง่าย ๆ



2. วาง “โครงสร้าง” โฆษณาให้ถูกต้อง

 

โครงสร้างของการทำโฆษณาบนไลน์เป็นสิ่งจำเป็น เมื่อเราเข้าใจในการวางโครงสร้างพื้นฐาน ก็จะช่วยให้การทำแคมเปญของเรามีประสิทธิภาพมากขึ้น วัดผลลัพธ์ได้ดียิ่งขึ้น โดยในการสร้างแคมเปญโฆษณาบนไลน์ แบ่งออกเป็นทั้งหมด 3 ระดับ

 

- ระดับแคมเปญ เลือกวัตถุประสงค์ให้ตรงตามผลลัพธ์ที่ต้องการ

- ระดับกลุ่มโฆษณา สร้างอย่างน้อย 3 กลุ่มโฆษณาขึ้นไปต่อแคมเปญ โดยเลือกกลุ่มเป้าหมายที่ต่างกันในแต่ละกลุ่มโฆษณา

- ระดับโฆษณา สร้างชิ้นงานโฆษณา 3 ชิ้นงานต่อ 1 กลุ่มโฆษณา โดยออกแบบภาพชิ้นงานโฆษณาให้แตกต่างกัน


2.1 ระดับแคมเปญ เป็นระดับที่สามารถเลือกวัตถุประสงค์, กำหนดระยะเวลาแคมเปญและงบประมาณแคมเปญได้


 


 สิ่งสำคัญ คือ ควรกำหนดวัตถุประสงค์ให้สอดคล้องกับผลลัพธ์ที่ต้องการ โดยโฆษณาบนไลน์ มีให้เลือกถึง 7 วัตถุประสงค์เลยทีเดียว ซึ่งสามารถตอบโจทย์ได้ครอบคลุมทุกธุรกิจ และทุกผลลัพธ์ที่ต้องการ



        2.2 ระดับกลุ่มโฆษณา เป็นระดับที่สามารถเลือกกลุ่มเป้าหมายได้ ทั้งกลุ่มเป้าหมายหลัก และกลุ่มเป้าหมายกำหนดเอง, เลือกรูปแบบการประมูลที่เหมาะสมกับความต้องการของเราได้, ราคาที่ต้องการใช้ รวมถึงงบประมาณรายวัน


       สิ่งสำคัญ คือ การวางกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกันต่อ 1 กลุ่มโฆษณา โดยเปรียบเทียบอย่างน้อย 3 กลุ่ม เพื่อวัดผลลัพธ์ เช่น


ตัวอย่างที่ 1

กลุ่มโฆษณา A > กำหนดเพศชาย, อายุ 20-29 ปี เท่านั้น

กลุ่มโฆษณา B > กำหนดเพศชาย, อายุ 30-39 ปี เท่านั้น

กลุ่มโฆษณา C > ไม่กำหนดเพศและอายุ

ตัวอย่างที่ 2

กลุ่มโฆษณา A > กำหนดเฉพาะกลุ่มเป้าหมายที่บล็อก LINE OA

กลุ่มโฆษณา B > กำหนดเฉพาะกลุ่มเป้าหมายกำหนดเองจากเบอร์โทร

กลุ่มโฆษณา C > กำหนดเฉพาะกลุ่มเป้าหมายกำหนดเองจากอีเมล




 

•      กำหนดกลยุทธ์การประมูลให้เหมาะสม

         

         สำหรับผู้ลงโฆษณาใหม่ ยังไม่มั่นใจ หรือ ไม่รู้ว่าควรจะเริ่มต้นด้วยราคาประมูลเท่าไหร่

        - แนะนำเลือกใช้กลยุทธ์การประมูลในรูปแบบ “ใช้งบประมาณรายวันให้ได้สูงสุด โดยไม่กำหนดลิมิตราคาต่อเวอร์ชัน” (No limit) เพื่อให้ระบบเปิดกว้างในการหาราคาที่เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายของเราให้ก่อน


         สำหรับผู้ที่เคยยิงโฆษณามาก่อน

       - สามารถเลือกใช้กลยุทธ์การประมูลในรูปแบบ “กำหนดลิมิตราคาต่อคอนเวอร์ชัน” (Set an event cost cap) โดยระบบจะหาราคาที่เหมาะสมในราคาที่เกินกว่ากำหนดเพียงเล็กน้อย เพื่อเปิดโอกาสให้ใช้งบประมาณรายวันได้หมด และกำหนดราคาประมูลที่ตนเองต้องการได้เลย

 

2.3 ระดับโฆษณา เป็นระดับที่สามารถอัพโหลดชิ้นงานโฆษณาของเรา ได้ทั้ง ภาพนิ่ง, วิดีโอ, ภาพสไลด์ และรูปภาพ(ขนาดเล็ก) พร้อมข้อความเด็ดๆ และแลนดิ้งเพจปลายทางที่ต้องการ


เทคนิค เตรียมภาพโฆษณาให้ดึงดูดกลุ่มเป้าหมาย

      ·     เริ่มต้นอย่างน้อย 3 ภาพโฆษณาต่อ 1 กลุ่มโฆษณา โดยดีไซน์ให้แตกต่างกัน

      ·     รูปโฆษณาคมชัดเป็นธรรมชาติ, รูปสินค้าจริงเข้าถึงง่าย, มีพรีเซนเตอร์หรือผู้ใช้จริงประกอบ. เสนอโปรโมชั่น หรือ เล่าเรื่องราวโดยใช้ Infographic ประกอบ

       ·     มีข้อความกระตุ้นในรูปโฆษณา เช่น ส่งฟรี, ราคาพิเศษ

       ·     บอกสรรพคุณสินค้า เช่น รองเท้าแตะกันลื่น, ไดร์ผมน้ำหนักเบา เป็นต้น

       ·     ตัวหนังสือใหญ่ในจุดที่ต้องการเน้นเท่านั้น

       ·     ข้อความไม่รก ปิดบังภาพ เกิน 20%

       ·     สำหรับวิดีโอ ควรน้อยกว่า 1 นาที พร้อมใส่เพลงติดหู หรืออื่นๆ 

       ·     เมื่อออกแบบรูปได้แล้ว ก็เลือกประเภทรูปโฆษณาให้เหมาะสมกับแคมเปญ

       ·     ต้องการคลิก แนะนำ ใช้ภาพนิ่ง หรือ ภาพ(ขนาดเล็ก)

       ·     ต้องการให้คนรู้จักแบรนด์ โดยเล่าเรื่อง หรือ สรรพคุณสินค้า แนะนำใช้ วิดีโอ

       ·     ต้องการผลลัพธ์ หรือยอดขาย แนะนำใช้ทุกรูปแบบโฆษณา เพื่อหาผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็น ภาพนิ่ง, ภาพ(ขนาดเล็ก), วิดีโอ และภาพสไลด์ 



เมื่อวาง “โครงสร้าง” ทั้งหมดในการทำแคมเปญถูกหลักแล้ว

ก็ต้องเตรียมปลายทางรองรับปิดการขายให้สอดคล้องด้วยเช่นกัน

 

1. ลงโฆษณาเพื่อให้ลูกค้าติดตาม LINE OA ของเรา

      ·     สร้างริชเมนู (Rich menu) โดยวางแอ็กชัน เป็นประเภทข้อความ เพื่อให้ทางแอดมินรู้ว่ากำลังมีคนสนใจสินค้า และต้องการจะสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมอยู่

      ·     ใช้สเต็ปเมสเสจ (Step message) ในการบรอดแคสต์ข้อความกระตุ้นการขายอย่างต่อเนื่อง

      ·     ติดแท็ก (Chat tag) จัดประเภทลูกค้าคนสำคัญ

      ·     มีคูปอง (Coupon) ให้ลูกค้าอยู่กับเรานาน ๆ

สำคัญ! อย่าลืมสร้างข้อความต้อนรับ และบรอดแคสต์สม่ำเสมอ พร้อมตกแต่งหน้าร้านที่ LINE VOOM ให้ลูกค้าเห็นสินค้าของเรา



2. ลงโฆษณาเพื่อให้ลูกค้าเข้ามายังหน้าเว็บไซต์ หรือ เซลเพจของเรา โดยสามารถใช้เป็นลิงก์ LINE SHOPPING หรือมาร์เก็ตเพลสอื่น ๆ ได้

 

·     เตรียมเว็บไซต์ปลายทางให้พร้อม รองรับการเปิดผ่านมือถือ

·     ติด LINE Tag เสมอ เพื่อให้สามารถวัดยอดการสั่งซื้อสินค้าและเก็บข้อมูลคนที่เคยเข้าชมเว็บไซต์ของตนเองโดยตรงได้



3. เรียนรู้ “พีเจอร์” ที่จำเป็น

 

2 ฟีเจอร์เด็ด ตัวช่วยสำคัญในการทำแคมเปญให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

 

1. ตัวช่วยในการบริหารงบประมาณของคุณ หากใครกำลังมีปัญหาเหล่านี้ ไม่รู้ว่าจะกำหนดงบแต่ละกลุ่มโฆษณาเท่าไหร่ ควรจะใส่งบไปที่กลุ่มไหน กลุ่มไหนคือกลุ่มที่ดี ให้ฟีเจอร์ “การเพิ่มประสิทธิภาพงบแคมเปญ” (Campaign budget optimization) เป็นตัวช่วยในการจัดการบริหารงบประมาณแคมเปญของคุณ ไปยังกลุ่มโฆษณาที่สามารถทำผลลัพธ์ได้ดีให้อัตโนมัติ

 

เงื่อนไขการใช้ “การเพิ่มประสิทธิภาพงบแคมเปญ” (Campaign budget optimization)

·     แนะนำสำหรับผู้ลงโฆษณาที่มีกลุ่มโฆษณาหลายกลุ่ม

·     ต้องการให้ระบบจัดการให้ ประหยัดเวลา และทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

·     ระยะเวลาแคมเปญ ควร 14 วัน ขึ้นไป

·     งบประมาณต่อวัน เริ่มที่ 1,000 บาท

 

2. ตัวช่วยในการดีไซน์รูปโฆษณาง่าย ๆ ด้วย LINE Creative Lab สำหรับใครที่ไม่มีไอเดียว่าจะออกแบบโฆษณาอย่างไรให้น่าสนใจ ให้ดึงดูดกลุ่มเป้าหมาย หรือ แตกต่างกัน สามารถใช้เครื่องมือจาก LINE Creative Lab ได้ฟรี โดยให้ระบบช่วยออกแบบได้ทั้งภาพนิ่ง และ วิดีโอ สามารถปรับแต่งได้ทั้ง สี, ใส่โลโก้, ข้อความ และอื่น ๆ อีกเพียบ ทำชิ้นงานโฆษณาเสร็จเรียบร้อยก็สามารถส่งเข้าบัญชีโฆษณาของเราได้เลย

 

 

4.เก็บ “ฐานข้อมูล” มาปรับใช้ให้เหนือชั้น

 

      สำหรับใครที่มีฐานข้อมูลลูกค้าของเราอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็น เบอร์โทร หรือ อีเมล ถือเป็นเคล็ดลับสำคัญเลย ที่จะช่วยให้การลงโฆษณาบนไลน์สำหรับคุณ ได้ผลมากยิ่งขึ้นในงบประมาณที่ถูกลง เพราะสามารถนำข้อมูลเหล่านี้ มาใช้เพื่อกำหนดกลุ่มเป้าหมายเจาะจง 2 แบบนี้ได้

 

- Re-targeting คือ การติดตามกระตุ้นให้ลูกค้าที่เคยเข้ามาชมสินค้า ,เคยซื้อสินค้าบนหน้าเว็บไซต์ของเรา ให้เกิดความสนใจ หรือเกิดความต้องการซื้อ และกลับมาซื้อสินค้าของเราอีกครั้ง

- Lookalike คือ การแสดงผลโฆษณาไปยังกลุ่มเป้าหมายหรือกลุ่มผู้เข้าชมที่มีพฤติกรรมใกล้เคียงกับข้อมูลฐานลูกค้าที่เราอัปโหลดไว้นั่นเอง  

 

5.รู้วิธี “ปรับแคมเปญ” ให้โดน

 

       สรุปเทคนิคลัดสำหรับการปรับแคมเปญไม่ว่าจะต้องการให้โฆษณาวิ่งฉิว หรือ ต้องการราคาต่อผลลัพธ์ที่ลดลง


·     เริ่มต้นจากขยายกลุ่มเป้าหมายให้กว้างกว่าเดิม โดยขนาดที่เหมาะสม ควรอยู่หลักล้านขึ้นไป

·     เพิ่มกลุ่มโฆษณา 2-3 กลุ่มต่อ 1 แคมเปญ

·     สร้างชิ้นงานโฆษณาใหม่ที่น่าสนใจ 3-5 ชิ้นงาน

·     หยุดชิ้นงานโฆษณาที่มีอัตราการคลิกน้อย (CTR%) หรือต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของโฆษณาทั้งหมดในบัญชีโฆษณาของคุณ

·     เลือกกลยุทธ์การประมูลเป็น “ใช้งบประมาณรายวันให้ได้สูงสุดโดยไม่กำหนดลิมิตราคาต่อเวอร์ชัน” (No limit) หรือ กลยุทธ์การประมูลในรูปแบบ “กำหนดลิมิตราคาต่อคอนเวอร์ชัน” (Set an event cost cap)

 

สำคัญ! คอยวัดผลสม่ำเสมอ