มาแล้ว Conversion API ตัวช่วยวัดผลโฆษณา LINE Ads ให้แม่นยำกว่าเดิม!

Conversion API

มาแล้ว Conversion API ตัวช่วยวัดผลโฆษณา LINE Ads ให้แม่นยำกว่าเดิม!

LINE Ads ปล่อยฟีเจอร์ Conversion API ให้ได้ใช้งานแล้ว ซึ่งจะทำให้การวัดผลลัพธ์แคมเปญโฆษณามีความแม่นยำมากขึ้น และทำให้ผลลัพธ์ของธุรกิจก็จะดีขึ้นตามไปด้วย บทความนี้เราจะมาเจาะลึกถึงการทำงานของ Conversion API, ข้อดีของ Conversion API  และจะเริ่มต้นใช้งาน Conversion API ได้อย่างไร

หลักการทำงานและประโยชน์ของการใช้ Conversion API

จากที่กฎข้อบังคับเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในปัจจุบันมีความเข้มงวดมากขึ้น ทาง Apple และ Google ได้มีการเปลี่ยนแปลงกฎข้อบังคับต่างๆในการเก็บข้อมูลส่วนบุคคล ไม่ว่าจะเป็นการหยุดใช้งาน 3rd Party Cookies, จำกัดการใช้งาน 1st Party Cookie รวมไปถึงไม่อนุญาตให้ติดตามผู้ใช้ที่ไม่ยินยอมให้เก็บข้อมูล ซึ่งส่งผลกระทบให้ผู้ลงโฆษณาไม่สามารถติดตามผลลัพธ์ได้ครบถ้วนแม่นยำเหมือนเดิม

การทำงานของ LINE Ads โดยใช้ LINE Tag อย่างเดียว

เมื่อลูกค้ากดโฆษณาและเข้าไปที่เว็ปไซต์ LINE Tag จะทำการ track ข้อมูลบนเว็ปไซต์และส่งกลับมาที่ LINE Server หากผู้ใช้งาน LINE กดไม่ยินยอมให้เก็บ cookie หรือติดตามข้อมูล LINE จะไม่ได้ข้อมูลส่วนนั้น

การทำงานของ LINE Ads โดยใช้ LINE Tag และ Conversion API

Conversion API จะเข้ามาช่วยแก้ปัญหาและเก็บข้อมูลส่วนที่ตกหล่นไป โดยเก็บข้อมูลที่ LINE Tag ไม่สามารถเก็บได้ และส่งเข้าไปยัง LINE Server

ประโยชน์ที่ผู้ลงโฆษณาจะได้รับเมื่อใช้ Conversion API

  1. ผลลัพธ์แคมเปญโฆษณาดีขึ้น เนื่องจากสามารถเก็บข้อมูลได้ครบถ้วนมากขึ้น
  2. Optimize Campaign ได้แม่นยำมากขึ้น เมื่อได้ข้อมูลที่ครบถ้วนแม่นยำ ระบบ Machine Learning ก็จะสามารถทำงานได้ดีขึ้น
  3. ได้จำนวน Audience เพิ่มมากขึ้นเมื่อสร้าง Audience จากเว็ปไซต์
  4. การวางแผนแคมเปญล่วงหน้ามีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วยข้อมูลที่แม่นยำกว่าเดิม

ตารางด้านบนจะเป็นตัวอย่างของผลลัพธ์ที่จะแสดงบน LINE Ad Manager ซึ่งจะเห็นได้ว่ามีข้อมูลในคอลัมน์สีน้ำเงินที่เป็นการนำเอาจำนวนของ Conversion API มาแสดงเพิ่ม รวมถึง ข้อมูลในคอลัมน์สีเขียว ที่เป็นผลรวมระหว่าง Conversion ที่เกิดจาก LINE Tag และ Conversion API ด้วย

ตัวอย่างจริงจากการปรับปรุงวิธีนับ Conversion ด้วย Conversion API แสดงให้เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนว่า เมื่อเพิ่มการเก็บข้อมูลผ่านหมายเลขโทรศัพท์และ User ID (UID) พบว่า Conversion API คิดเป็น 53% ของจำนวน Conversion ทั้งหมด เมื่อเทียบกับการใช้ LINE Tag เพียงอย่างเดียวในการเก็บข้อมูล

โดยเฉพาะในกรณีของ iOS ที่มักมีข้อจำกัดในการเก็บข้อมูล ทำให้การวัดผล Conversion ด้วย LINE Tag เพียงอย่างเดียวไม่แม่นยำพอ แต่เมื่อใช้ Conversion API เพิ่มเติม พบว่าตัวเลข Conversion รวมจากทั้ง Conversion API และ LINE Tag เพิ่มขึ้นถึง 3 เท่า นี่เป็นการเน้นย้ำว่าการใช้ Conversion API ช่วยให้การเก็บข้อมูลแม่นยำขึ้น แม้ในกรณีที่มีการปิดกั้นข้อมูลจากแพลตฟอร์ม

เริ่มต้นใช้งาน Conversion API

ขั้นที่ 1: สร้างบัญชี Business Manager

แพลตฟอร์ม Business Manager ของ LINE ช่วยให้ธุรกิจสามารถเชื่อมต่อกับ LINE Ecosystem ได้อย่างครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นบัญชีทางการ LINE (LINE Official Account), บัญชีโฆษณา (LINE Ad Account) หรือบัญชีโฆษณาแบบจอง (LINE Reservation Ad Account) โดยเมื่อผู้ใช้เชื่อมบัญชีทั้งหมดเข้ากับ Business Manager แล้ว สามารถแชร์ข้อมูลระหว่างบัญชีได้ รวมถึงการใช้งานฟีเจอร์อย่าง Conversion API ได้สะดวกยิ่งขึ้น > อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Business Manager ได้ที่นี่

การสร้างบัญชี Business Manager มีขั้นตอนที่ต้องทำ เช่น การลงทะเบียนข้อมูลธุรกิจ การส่งเอกสารยืนยันตัวตน และรอการอนุมัติ ซึ่งสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้จากลิงก์วิธีการสร้างข้างล่างนี้ สำหรับผู้ที่เปิดบัญชี Business Manager เรียบร้อยแล้ว สามารถข้ามไปสู่ขั้นตอนต่อไปได้เลย


วิธีการสร้างบัญชี Business Manager

ขั้นที่ 2: เชื่อมต่อบัญชีโฆษณาเข้าสู่ Business Manager

  1. เข้าไปเอาตัวเลข ID องค์กร (Organization ID) จาก Business Manager ที่ต้องการเชื่อมต่อกับบัญชีโฆษณา LINE Ads
  2. นำเลข ID องค์กร ที่ได้ ไปกรอกที่ บัญชีโฆษณา LINE Ads (admanager.line.biz) โดยเข้าไปที่เมนูการตั้งค่าบัญชีผู้ใช้โฆษณา แล้วคลิกที่ปุ่ม “แก้ไข”
  3. ต่อจากนั้นก็คลิกที่ “การตั้งค่าอย่างละเอียด” จะเห็นช่องให้กรอก ID องค์กรอยู่ ถ้ามาถึงตรงนี้แล้ว ก็ไม่ผิดแน่ ๆ
  4. นำเลข ID องค์กร กรอกในช่อง แล้วกดปุ่ม “ใช้” และเลื่อนลงมากดปุ่ม “อัปเดต” ด้านล่าง 
  5. หลังจากนั้น ก็ให้คัดลอก url และส่งไปยัง Business Manager เพื่อรับการอนุมัติ

ขั้นที่ 3: ตั้งค่า LINE Tag ด้วยการเพิ่ม deduplucationkey ในทุก ๆ LINE Tag Event 

ในขั้นตอนนี้ เพื่อแยก Conversion จาก LINE Tag และ Conversion API ไม่ให้นับซ้ำซ้อน โดยจะต้องเพิ่ม Deduplication Key ใน LINE Tag Base Code รวมถึง LINE Tag Event เดิมทุกตัว

แม้โค้ดจะดูคล้ายกัน แต่ Deduplication Key ที่เพิ่มเข้ามามีบทบาทสำคัญในการป้องกันการนับเหตุการณ์ซ้ำกัน ซึ่งอาจเกิดจากข้อผิดพลาดของ Conversion API โดยหากมีการส่งข้อมูลเหตุการณ์ซ้ำกันจากทั้ง LINE Tag และ Conversion API ข้อมูลจาก LINE Tag จะไม่ถูกนับซ้ำ เพราะ Deduplication Key จะคัดกรองเหตุการณ์นั้นออกนั่นเอง

หลักการทำงานง่าย ๆ คือ Deduplication Key ของ LINE Tag ต้องตรงกับของ Conversion API รวมถึง event_name เพื่อให้แน่ใจว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะไม่ถูกนับซ้ำ ทำให้การนับ Conversion แม่นยำและไม่ทับซ้อนกัน

ขั้นที่ 4: สร้าง API Token บน Business Manager

เมื่อทำการปรับปรุงหรือติดตั้ง LINE Tag ที่มี Deduplication Key เข้าไปใหม่แล้ว หลังจากนั้นให้กลับไปล็อกอินเข้าสู่ระบบ Business Manager เพื่อสร้าง API Token ขึ้นมา 


  1. เมื่อเข้าไปที่ Business Manager แล้ว ก็ให้เลือก Organization ที่ต้องการ
  2. เลือกเมนู Tracking (LINE Tag) 
  3. เลือกบัญชีโฆษณาที่จะใช้งาน 
  1. คลิก แถบ Conversion API
  2. คลิกปุ่มยอมรับข้อกำหนดและเงื่อนไขการใช้งาน       
  3. ตอนนี้ก็จะเห็นเป็นตารางแสดงสถานะของ Tag ต่าง ๆ ที่มี ซึ่งถ้าเลื่อนลงไปด้านล่างของหน้านี้จะเห็นปุ่ม Generate assess token จำไว้ว่าอย่าปิดหน้านี้ หรือกดปุ่ม รีเฟรช จนกว่าจะคัดลอก token ที่ปรากฎไปใช้งาน
  1. อย่างไรก็ดี ถ้าหากต้องการออก token ใหม่เป็นตัวที่สอง ก็สามารถเลือกได้ว่าจะให้ใช้งานทันทีหรือจะตั้งเวลาให้ token ตัวก่อนหน้าสิ้นสุดการใช้งานก่อน

ขั้นที่ 5: ติดตั้ง API บนเว็บเซิร์ฟเวอร์ของธุรกิจด้วย Google Tag Manager

มาถึงขั้นตอนสำคัญในการใช้งาน Conversion API แล้ว ในขั้นนี้เราจะใช้ Google Tag Manager เป็นเครื่องมือในการติดตั้ง ซึ่งโดยปกติสำหรับผู้ที่ใช้งาน Google Tag Manager สำหรับติดตั้ง LINE Tag ก็จะใช้ฟังก์ชั่น ดังนี้


  • “การสร้าง Tags” เพื่อกำหนดเป้าหมายการวัดที่ต้องการ
  • “การกำหนด Triggers” เพื่อกำหนดว่าเมื่อไหร่จะเกิดการนับขึ้น
  • และอาจมี “การกำหนดตัวแปร Variables” ที่ใช้เป็นประจำอยู่บ้างในบางกรณี


อย่างไรก็ตาม สำหรับการติดตั้ง API จะมีขั้นตอนที่แทรกขึ้นมาในช่วงแรกเล็กน้อย นั่นก็คือ


  • “การสร้าง Templates” ที่ใช้สำหรับตั้งค่า Tags Config ของ Conversion API โดยเฉพาะ


โดยปกติแล้ว หากต้องการติดตั้ง LINE Tag เราอาจจะแค่เลือกใช้ Tag Template มาตรฐาน อย่าง HTML Tag Template ที่มีอยู่แล้วบน Google Tag Manager เพื่อติดตั้ง LINE Tag Base Code และ LINE Tag Event/ Custom Conversion/ Conversion Code 


แต่ครั้งนี้จะแตกต่างออกไปเพราะมีการนำเอา Tag Template ใหม่เข้ามาใช้แทน ซึ่งสามารถดาวน์โหลดเทมเพลต LINE Conversion API Tags ได้จาก แกลลอรีเทมเพลตชุมชน - LINE Conversion API




ดังนั้นแล้วขั้นตอนการติดตั้งในช่วงการสร้าง Tag ก็เปลี่ยนจากการเลือก HTML Tag Template ไปเลือกเป็น LINE Conversion API Tag Template ที่นำเข้ามาใหม่แทน


อ่านขั้นตอนการนำเข้า LINE Coversion API Template บน Google Tag Manager และการตั้งค่า Tags/ Trigger/ Variables ได้ที่นี่ แนวทางการกำหนดค่าเทมเพลตแท็กด้านเซิร์ฟเวอร์

ขั้นที่ 6: ตรวจสอบสถานะเหตุการณ์บน Business Manager และ LINE Ad Manager


ที่นี้ก็มาถึงการตรวจสอบว่า Conversion API ที่เราทำการติดตั้งไปทั้งหมดนั้นทำงานได้จริงหรือไม่ ซึ่งเราสามารถตรวจสอบได้จาก 3 จุดด้วยกัน ดังนี้


  1. จากแถบ Conversion API ในเมนู LINE Tag บน Business Manager ซึ่งจะแสดงสถานะการทำงานของเหตุการณ์ระบุไว้ด้วย เช่น Active, Inactive, Error, Events are not displayed
  2. จาก LINE Ad Manager - Report โดยจะแสดงเฉพาะ Conversion หลัก และ Standard Event  เท่านั้น
  3. จาก LINE Ad Manager - Custom Event ซึ่งจะเป็นตัวช่วยสร้างให้หน้า LINE Ad Manager - Report แสดงผล Custom Conversion ที่เรากำหนดขึ้นมาเองนอกเหนือจาก Conversion หลัก และ Event มาตรฐานได้


ถ้าเรารู้จักการสร้างกลุ่มเป้าหมายจาก LINE Tag ก็จะเข้าใจได้เลยว่า ยังมีอีกช่องทางหนึ่งที่สามารถเข้าไปใช้งานเพื่อตรวจสอบการทำงานของ Conversion API ได้บน LINE Ad Manager ด้วย นั่นก็คือการสร้างกลุ่มเป้าหมายที่เข้าชมเว็บไซต์ ซึ่งก็สามารถเลือกได้ว่าจะนำเอา Conversion API ตัวไหนมาสร้างเป็นกลุ่มเป้าหมายเพื่อใช้ในการ Retageting ต่อไปได้


เนื้อหาการตั้งค่า Conversion API ที่เล่ามาให้ฟังทั้งหมดนี้ อาจจะมีความซับซ้อนอยู่บ้าง ซึ่งหากเรามีประสบการณ์การติดตั้ง LINE Tag และการใช้งาน Google Tag Manager มาก่อน ก็น่าจะใช้เวลาทำความเข้าใจไม่มากนัก อย่างที่อธิบายไว้ในช่วงต่าง ๆ ข้างต้น


อย่างไรก็ดี หากต้องการที่จะศึกษารายละเอียดเรื่องนี้ในเชิงลึกเพิ่มเติม ก็สามารถอ่าน ได้จากคู่มือการใช้งานได้ที่นี่ LINE Conversion API