อย่างไรก็ตาม เมื่อทุกคนต่างเดินหน้าแข่งกันสร้างแบรนด์ จึงเกิดคำถามตามมาว่าแล้วจะทำให้แบรนด์ของเราโดดเด่นขึ้นมาได้อย่างไร ซึ่งในรายการ SME Biz Talk ซีซั่น 2 โดย LINE for Business ออกอากาศทาง LINE TV ช่วง Share Talk ได้แนะนำวิธีสร้างแบรนด์ผ่านกล่องดำการตลาด 3 มุม โดย คุณบังอร สุวรรณมงคล Managing Director & Founder บริษัทที่ปรึกษาด้านการตลาด Hummingbirds Research & Marketing Consultant  คือ 

1) ต้องเข้าใจความต้องการลูกค้าว่ากลุ่มเป้าหมายต้องการอะไร แล้วทำให้สินค้านั้นช่วยแก้ปัญหา หรือเติมเต็มสิ่งที่ลูกค้ายังไม่เคยได้รับ พร้อมสร้างคุณค่าใหม่ๆ ให้กับสินค้าหรือบริการด้วยเรื่องราวที่โดดเด่น น่าสนใจ ไม่ซ้ำกับสิ่งที่มีอยู่แล้วในตลาด

2) รู้จักวิเคราะห์คู่แข่งให้เป็น อาจต้องเข้าไปติดตาม ลองซื้อสินค้าของแบรนด์อื่นๆ เพื่อศึกษาประสบการณ์จากแบรนด์เหล่านั้น 

3) นำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์จุดอ่อนและจุดแข็งของแบรนด์ตัวเอง เพื่อวางกลยุทธ์ให้แบรนด์แตกต่างและโดดเด่นกว่าแบรนด์อื่นๆ

คุณบังอร ยังได้ยกตัวอย่างแบรนด์ Floyee ที่เลือกเปิดหน้าร้านออนไลน์บน LINE Official Account เพื่อขายผลิตภัณฑ์ทำเล็บ ซึ่งแบรนด์เข้าใจลูกค้าถึงความกังวลในการเข้าร้านทำเล็บในช่วงโควิด เลยนิยามตัวเองให้เข้ากับสถานการณ์ว่า ‘ทุกคนสามารถทำเล็บสวยที่บ้านได้เหมือนทำที่ร้าน’ และใช้ศักยภาพของ LINE Official Account  มาสนับสนุนจุดแข็ง เช่น การสร้างเซ็ตสินค้าครบพร้อมใช้สำหรับทำเองที่บ้านเป็นตัวกระตุ้นให้ซื้อง่าย และการทำคอนเทนต์ How-to ลงไปใน LINE Official Account เพื่อให้ลูกค้าเข้ามารู้วิธีทำเล็บด้วยตัวเองแบบมืออาชีพ

รวมไปถึงกรณีแบรนด์ Dairy Home Delivery ที่สามารถสื่อตัวตนของแบรนด์คือสินค้าออร์แกนิคได้อย่างชัดเจนในทุกจุดสัมผัส ด้วยการแนะนำ ย้ำถึงตัวตนของแบรนด์ตั้งแต่วินาทีแรกคือตรง Status ใต้ชื่อแบรนด์ใน LINE Official Account ตลอดจนใส่ความเป็นแบรนด์ลงไปที่ข้อความทักทายลูกค้า (Greeting Message) สร้างพื้นที่บอกเล่าเรื่องราวของแบรนด์ให้ลูกค้ารับรู้ได้อย่างชัดเจน ซึ่งการสร้างประสบการณ์ดังกล่าว อาจถูกมองว่าเป็นจุดเล็กน้อยแต่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีก็ไม่ควรละเลย เพราะสิ่งเหล่านี้ล้วนส่งผลอย่างมากต่อการทำให้ลูกค้าสนใจ และตัดสินใจแอดไลน์เพื่อทำการซื้อขายและพร้อมเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของแบรนด์ในที่สุด

โดยเธอเลือกใช้งานเครื่องมือและฟีเจอร์ต่างๆ อย่างคุ้มค่าและส่งเสริมแบรนด์ให้โดดเด่น ไม่ว่าจะเป็น My Shop ที่เป็นเหมือนการย้ายหน้าร้านมาอยู่ในมือลูกค้า ผู้ประกอบการสามารถเพิ่ม-ลดเมนูได้เอง และลูกค้าสามารถเห็นสินค้าทันที เมื่อถูกใจก็กดซื้อได้เลย การใช้ฟีเจอร์ Broadcast เพื่อโปรโมทสินค้าใหม่ โปรโมชั่นใหม่ ส่งให้ลูกค้าแบบเรียลไทม์ การทำคอนเทนต์ด้วย Card Message ที่ช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์แบรนด์ให้สามารถโชว์รูปอาหารสวยๆ รวมถึงข้อความที่จะสื่อไปถึงลูกค้าได้อย่างมีสีสัน การใช้ Rich Menu ที่ช่วยลดการทำงานของแอดมินในการตอบคำถามลูกค้าและอำนวยความสะดวกลูกค้าเข้าถึงข้อมูลที่ต้องการได้ง่ายขึ้น รวมไปถึงการใช้ Chat Tag ช่วยแบ่งกลุ่มลูกค้าเพื่อครีเอทโปรโมชั่นตอบโจทย์ลูกค้าได้ตรงความต้องการ นอกจากนี้ การเป็นสมาชิก LINE Family Club ยังเป็นพื้นที่ทำให้ตนเองได้รับความรู้จากกูรู ได้รับการโปรโมทร้านฟรีและสิทธิประโยชน์อีกมากมาย เสริมความแกร่งให้แบรนด์ตนเองมากขึ้นอีกด้วย

นอกจากการสร้างแบรนด์ และการใช้เครื่องมือ ฟีเจอร์ต่างๆ แล้ว เจ้าของธุรกิจยังจำเป็นต้องเรียนรู้วิธีใช้เครื่องมือโฆษณาแบรนด์เพื่อช่วยกระตุ้นยอดขาย และยิงตรงถึงใจลูกค้าด้วย ซึ่งในช่วง Tips Talk ได้ถ่ายทอดเทคนิคจาก LINE Certified Coach 2021 อย่างโค้ชแน๊ตตี้-จุฑารัตน์ เรือนสุข ได้พูดถึงจุดน่าสนใจของการโฆษณาบน LINE นอกจากโฆษณาเพื่อเพิ่มเพื่อนแล้ว การซื้อโฆษณาเพื่อให้ลูกค้าเข้าชมเว็บไซต์ก็เป็นอีกหนึ่งวัตถุประสงค์ที่สร้างยอดขายได้เป็นอย่างดีด้วยเช่นกัน โดยผู้ประกอบการสามารถเลือกลงโฆษณารูปแบบนี้เพื่อเพิ่มการรับรู้ต่อแบรนด์ สร้างฐานลูกค้าใหม่ และเพื่อชวนลูกค้าเก่ากลับมาซื้อซ้ำ (Retargeting) ควบคู่กันได้อีกด้วย อีกทั้งแบรนด์ยังสามารถต่อยอดด้วยการใช้ฟีเจอร์บัตรสะสมแต้ม ให้ลูกค้าเข้ามาอุดหนุนอย่างต่อเนื่อง นอกจากนั้นการเชื่อมต่อของโฆษณาด้วยการใช้แพลตฟอร์มเดียวกันตั้งแต่ต้นจนจบ ยังช่วยให้ลูกค้าช้อปปิ้งได้อย่างไม่สะดุด ตัวผู้ประกอบการก็ไม่เสียโอกาสในการขายอีกด้วย

หลังจากที่ได้ไอเดียการตลาดขับเคลื่อนแบรนด์ และพบกับเครื่องมือที่จะช่วยต่อยอดให้แบรนด์เติบโตไปในทิศทางที่เราต้องการแล้ว ก็เหลือเพียงการลงมือทำทันทีเท่านั้น ซึ่งในช่วงวิกฤติแบบนี้คนที่ลุกขึ้นเร็วและกล้าที่เดินก่อน ย่อมคว้าโอกาสที่จะรักษาธุรกิจให้อยู่รอดและเป็นการเปิดประตูโอกาสที่จะเพิ่มยอดขายสวนกระแสเศรษฐกิจได้ในที่สุด

#SMEBizTalkSS2 #LINEforBusiness