การพัฒนาอย่างก้าวกระโดดของเทคโนโลยีทำให้ผู้บริโภคมีทางเลือกในการซื้อสินค้าและบริการมากขึ้น ส่งผลให้วิถีชีวิตเปลี่ยนไป ความสะดวก ง่าย เร็ว จนทำให้เกิดความเคยชินและเริ่มกลายเป็น Lazy Customer ที่รักความสบายไปในที่สุด ด้วยเหตุนี้เองหลากหลายแบรนด์จึงเริ่มหาวิธีทางปรับกลยุทธ์การตลาดเพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเหล่านี้ให้ได้ โดยเฉพาะในช่วงเวลาของการระบาดของโควิด-19 ที่ทำให้มนุษย์ออฟฟิศต่างต้อง Work From Home กันเป็นเวลานาน ความขี้เกียจที่มีก็ยิ่งทวีคูณมากยิ่งขึ้น
โดยหนึ่งกลยุทธ์ในการทำการตลาดสำหรับการเข้าถึงพฤติกรรม Lazy Customer ได้แก่ “กลยุทธ์ SLOTH” ที่ประกอบด้วย
จากกลยุทธ์ข้างต้นนี้จะสังเกตได้ว่าแบรนด์จำเป็นต้องมอบประสบการณ์ที่น่าพึงพอใจและตอบโจทย์ที่สุดเพื่อให้ลูกค้า Lazy Customer เลือกใช้สินค้าหรือบริการของแบรนด์ไม่เปลี่ยนแปลงท่ามกลางตัวเลือกมากมาย ดังนั้นการพัฒนากลยุทธ์ทางการตลาดให้เกิดผลได้จริงนั้น ย่อมต้องอาศัยเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพ เข้าถึงง่าย สามารถจัดการทุกอย่างได้ครบจบในตัว LINE จึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม ด้วยแพลตฟอร์มที่พลิกแพลงกลยุทธ์การตลาดให้เข้ากับสินค้าและบริการหลากหลายรูปแบบด้วยความเป็น All-In-One ที่มีทุกอย่างที่ลูกค้าต้องการในแอปเดียว
สิ่งหนึ่งที่เป็นจุดแข็งของ LINE คือ OPEN API ที่ทำให้ทุกอย่างง่าย All-In-One ในแอปพลิเคชันเดียว ลูกค้าไม่จำเป็นจะต้องเปิดหน้าจอมากมายให้ยุ่งยากซับซ้อน แถมยังมอบประสบการณ์ที่ยกระดับยิ่งขึ้นด้วยเครื่องมือต่างๆ ที่ Plug-in เข้ากับ LINE ได้ ตัวอย่างเช่น LINE Frontend Framework (LIFF) ที่ช่วยให้แสดงผล Web Application บนห้องแชทของ LINE OA และยังสามารถแชร์ไปยังแชทของเพื่อนใน LINE ได้อีกด้วย หรือ LINE Messaging API ที่มีจุดเด่นในการตอบคำถามที่มีลูกเล่นและตอบโจทย์กลุ่มลูกค้า Lazy Customer ได้มากยิ่งขึ้น เพราะสามารถโต้ตอบลูกค้าได้ทันทีไม่จำเป็นต้องรอแอดมิน หรือสามารถตอบกลับด้วยลูกเล่นที่แปลกใหม่ เช่นการส่งสินค้าผ่าน Broadcast Message ในรูปแบบภาพที่พ่วงด้วยปุ่ม Call to Action ให้เกิดการซื้อได้ในทันที นอกจากนี้ยังมีเครื่องมืออีกหลากหลายให้แบรนด์เลือกใช้เพื่อพลิกแพลงกลยุทธ์การตลาดให้เหมาะสมกับการซื้อใจกลุ่มลูกค้า Lazy Customer ได้
กลุ่มธุรกิจหนึ่งที่สามารถนำ OPEN API ของ LINE ไปปรับใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพคือ กลุ่มธุรกิจร้านอาหาร เนื่องจากพฤติกรรมของเหล่า Lazy Customer ชาวไทยเลือกที่จะไม่ต่อคิวซื้อของถึง 81 % และอีก 70% เลือกที่จะไม่ทำอาหารทำอาหารเอง (อ้างอิง Thumbsup) ดังนั้นจึงเป็นโอกาสดีที่ร้านอาหารจะสามารถใช้ LINE เป็นเครื่องมือเพื่อช่วยเพิ่มยอดขาย ไม่ว่าจะผ่านบริการ LINEMAN บน LINE ที่เชื่อมต่อ OPEN API ไปยังหน้าแอป LINEMAN ผ่าน LINE Frontend Framework (LIFF) ได้โดยตรง หรือสามารถเลือกดูโปรโมชันที่น่าสนใจผ่าน LINE OA ของ LINEMAN ได้อีกด้วย เมื่อสามารถทำทุกอย่างจบได้ภายในแอป ลูกค้า Lazy Customer ก็ไม่จำเป็นต้องเข้าออกหลายหน้าจอและยังไม่ต้องเข้าคิวในการซื้ออาหารหรือทำอาหารเองอีกต่อไป ลดการสัมผัสหรือความเสี่ยงที่จะต้องเจอผู้คน เสี่ยงต่อการติดเชื้อในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้อีกด้วย
ย้อนกลับมาที่อีกหนึ่งพฤติกรรมของเหล่า Lazy Customer คนไทยนั่นคือ ไม่ชอบออกไปชอปปิง โดยมีสัดส่วนถึง 64% (อ้างอิง Thumbsup) ถือเป็นโอกาสหนึ่งที่แบรนด์จะส่งตรงสินค้าไปให้พวกเขาเลือกสรรถึงหน้าจอผ่าน MyShop ฟีเจอร์สำหรับจัดการร้านค้าออนไลน์ที่เชื่อมต่อกับ LINE OA และ แพลตฟอร์ม E-Commerce อย่าง LINE Shopping ที่ช่วยให้การชอปเป็นเรื่องง่ายเพียงปลายนิ้วสัมผัส มัดใจลูกค้าสาย Slow Life ไม่ต้องออกไปไหนก็สามารถเลือกซื้อของที่ต้องการได้ทันที
หนึ่งในจุดเด่นของ MyShop คือเป็นตัวกลางให้ลูกค้าสามารถแชทกับร้านค้าได้โดยตรง ผ่าน Chat & Shop โดยการสนทนาจะถูกลิงก์ไปยัง LINE OA ของร้านเพื่อพูดคุยผ่าน LINE Auto-Reply เอาใจสายไม่ชอบคุยกับคนแปลกหน้า ช่วยตอบความสงสัยพื้นฐานของลูกค้าแบบ Real-time หรือส่งต่อให้ลูกค้าคุยกับแอดมินเมื่อต้องการคำตอบที่เฉพาะเจาะจงมากยิ่งขึ้น ยกระดับความพึงพอใจด้วยความสะดวกสบายขึ้นอีกหนึ่งระดับ
มากไปกว่านั้น LINE OA ที่เชื่อมต่อกับ MyShop ยังช่วยให้แบรนด์ทำการตลาดได้แข็งแกร่งมากขึ้น เมื่อลูกค้าสอบถามข้อมูลกับร้านค้า ไม่ว่าจะผ่าน Chat & Shop หรือทักมาถามผ่าน LINE OA โดยตรง แบรนด์สามารถติด Chat Tag เพื่อจัดกลุ่มและประเภทลูกค้าได้ จากนั้นก็นำข้อมูลที่ได้จาก Chat Tag มา Re-Targeting ส่งโปรโมชันหรือ Broadcast Message ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า ให้พวกเขาไม่ต้องเสียเวลาตามล่าหาโปรโมชันที่ถูกใจ เพราะสิ่งที่พวกเขาต้องการทุกอย่างมาโชว์อยู่บนหน้าจอของเรียบร้อยแล้ว
และเพื่อให้ประสบการณ์ของลูกค้าสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น แบรนด์ยังสามารถนำ MyCustomer มาปรับใช้เพื่อตอบโจทย์ความต้องการลูกค้า Lazy Customer ได้ด้วยการใช้ฟีเจอร์ Survey หา Insight ในการคิดโปรโมชันที่เข้าใจกลุ่มลูกค้าหรือแม้แต่การออกแบบ Segmented Rich Menu ที่มีทุกอย่างที่พวกเขาเหล่า Lazy Customer ต้องการแบบเฉพาะบุคคลบนหน้าจอ LINE OA ช่วยให้เกิดความพึงพอใจเหนือระดับได้ในที่สุด
เมื่อมีการซื้อสินค้าและบริการ สิ่งสำคัญที่จะไม่กล่าวถึงไม่ได้เลยคือเรื่องการชำระเงิน LINE เชื่อมต่อ API กับ Rabbit LINE Pay ช่วยให้การจ่ายเงินเป็นเรื่องง่ายและสะดวกสบายตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์เหล่า Lazy Customer มากไปอีกขั้น โดย Rabbit LINE Pay เปรียบเสมือนกระเป๋าสตางค์ที่ใช้จ่ายสะดวกยิ่งขึ้น สามารถผูกบัญชีกับบริการจ่ายเงินกับร้านค้าหรือบริการต่างๆ ได้มากมาย ทำให้เพียงแค่เข้าแอป LINE ก็สามารทำธุรกรรมทางการเงินได้หลากหลายทั้งการชอปปิงผ่านบริการที่อยู่บน LINE สินค้าและบริการในชีวิตประจำวัน ไปจนถึงการชำระค่าบริการสาธารณูปโภคต่างๆ โดยไม่จำเป็นต้องจำเลขบัญชี เลขบัตรเครดิตหรือเดบิต เพียงแค่เติมเงินเข้าไปยัง Rabbit LINE Pay เท่านั้น แถมยังมีสิทธิพิเศษมากมายที่พ่วงกับสินค้าและบริการเมื่อใช้จ่ายผ่าน Rabbit LINE Pay อีกด้วย
นอกจากนี้สิ่งที่ทำให้ Rabbit LINE Pay สะดวกมากขึ้นไปอีกหนึ่งขั้น คือการที่สามารถโอนเงินผ่านทางห้องแชทของ LINE ได้ ช่วยให้ลดขั้นตอนในการเปิดหลายแอปพลิเคชันที่ทำให้ให้เสียเวลาและมีความยุ่งยากได้อีกมากเลยทีเดียว เมื่อรู้อย่างนี้แล้วแบรนด์จึงควรหันมาพ่วงบริการกับ Rabbit LINE Pay เพื่อให้ลูกค้าสาย Lazy Customer ใช้จ่ายได้อย่างสะดวกสบายตอบโจทย์วิถีชีวิตของพวกเขามากขึ้น
สุดท้ายนี้เมื่อชีวิตผู้บริโภคต่างต้องเซฟพลังงานเอาไว้เพื่อช่วงเวลาที่สำคัญจนกลายเป็น Lazy Customer แบรนด์ที่เข้าใจพฤติกรรมและเปลี่ยนเป็นโอกาสในการทำการตลาดผ่านเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพ ก็จะกลายเป็นผู้ชนะบนสังเวียนแห่งความขี้เกียจได้ในที่สุด ดังนั้น LINE ในฐานะเครื่องมือที่เหมาะสม ด้วยความครบ จบทุกความต้องการของชีวิตในแอปพลิเคชันเดียว จะเป็นผู้ช่วยให้แบรนด์พลิกแพลงกลยุทธ์เพื่อพิชิตใจเหล่า Lazy Customer ได้อย่างมีประสิทธิภาพเพราะพวกเขาย่อมใช้จ่ายเพื่อคุณภาพชีวิตที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของพวกเขาแน่นอน
